L-Ane Collagen / คอลลาเจน ลดสิว
รหัสสินค้า : PP-C-L-Ane
ราคา |
390.00 ฿ 990.00 ฿ (-61%) |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 390.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
L-Ane Collagen / คอลลาเจน ลดสิว
ทำไมต้อง Perproud Collagen ?
Collagen Di-Peptide ด้วยดมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากเพียง 200 ดาลตัล ทไให้ไม่จำเป็นต้องย่อยที่กระเพาะอาหาร สามารถลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระเเสเลือดด้วย Technology Target Boosting
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้ "คอลลาเจนไดเปปไทด์" เข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้โดยตรง สามารถดูดซึมได้เร็ว กว่าคอลลาเจนทั่วไปถึง 5 เท่า
- ช่วยลบเลือนริ้วรอยจุดด่างดำ
- ป้องกันการเกิดสิว
- ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มลื่น น่าสัมผัส
- ผิวเเลดูขาวกระจ่างใส
- รูขุมขนดูเล็กลง
- สร้างความสมดุลให้กับกระดูก ไม่ให้มวลกระดูกเลื่อมเร็ว
เคล็ดลับ Perproud Collagen กินตอนไหนได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- กินคอลลาเจนหลังตื่นเช้า
- กินคอลลาเจนก่อนอาหาร 15 นาที
เพราะช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุด คือตอนท้องว่าง 2 ช่วงนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการดูดซึม Perproud Collagen ได้อย่างเต็มที่
ส่วนประกอบที่สำคัญของ Perproud Collagen
- Kiwi Powder มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดสิว และจุดด่างดำ
- Vitamin C ลดริ้วรอย ลดจุดด่างดำ จากรอยแผลเป็น ปรับสีผิวหมองคล้ำจากแดดให้ดูกระจ่างใสมากขึ้น
- Acerola Cherry วิตามินซีสูง ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว
- Pineapple Powder สร้างระบบภูมิคุ้มกันช่วยย่อยอาหาร ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด
- Horsetail Extract เพิ่มความเเข็งแรง ให้กับกระดูกและเอ็น ช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้เเข็งแรง
Concept Product
Collagen Di-Peptide
CollagenDi-peptide เป็นนวัตกรรมใหม่ของการสกัดคอลลาเจนที่ถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของ “Di-Peptide” เป็นคอลลาเจนที่มีกรดอะมิโนซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของ คอลลาเจน เรียงต่อกันเพียง 2 ตัว อยู่ในรูปของ PO–OG จึงมีขนาดโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากเพียง 200 ดาลตัน ด้วยโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากจึงทำให้ไม่ต้องถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร แต่สามารถถูกลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที โดยตรงสู่เซลล์เป้าหมาย (Direct to Cel Target)อย่างเซลล์ผิวหนัง เซลล์กระดูก และเซลล์กระดูกอ่อนได้
PO คือ P = กรดอะมิโนโพรลีน O = กรดอะมิโนไฮดรอกซีโพรลีน
OG คือ O = กรดอะมิโนไฮดรอกซีโพรลีน G = กรดอะมิโนไกลซีน
Collagen Di-Peptide “Technology Target Boosting”
คอลลาเจนไดเปปไทด์ ขนาดโมเลกุลเฉลี่ยเล็กมากทำให้ไม่จำเป็นต้องถูกย่อยที่กระเพาะอาหารแต่จะถูกลำเลียงและดูดซึมที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดด้วย Technology Target Boosting ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่ทำให้คอลลาเจนไดเปปไทด์เข้าสู่เซลล์ผิวหนังได้โดยตรง ทำให้สามารถซ่อมแซมและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
Key Benefit of Collagen Di-Peptide
“ Bone and Join Function”
- ช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อนและยับยั้งการบางลงของกระดูกอ่อน
- ช่วยยับยั้งการเสื่อมของเซลล์คอนโดไซด์ (Chondrocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูกอ่อน
- ช่วยกระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคน (Glycosaminoglycan) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำ จึงทำให้เนื้อเยื่อข้อต่อสามารถทนทานต่อแรงกดดันได้
- ช่วยเพิ่มน้ำในข้อต่อ ทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นและไม่เกิดการขัดกัน
- ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงเซลล์กระดูกที่ผิดปกติในหนูทดลองที่เป็นโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) จึงมีส่วนช่วยลดภาวะความเสื่อมของข้อ
- สามารถช่วยลดการอักเสบและอาการเจ็บปวดจากการเคลื่อนไหวในบริเวณเซลล์กระดูกอ่อนได้ (จากการศึกษาของ University of Tübingen ประเทศเยอรมนี ที่ทำการทดลองในประชากรที่มีภาวะข้อเสื่อมจำนวน 2,000 คน ที่ได้รับคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้เล็กลงในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน)
- ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง
- ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ที่ทำหน้าที่ทำลายกระดูก (Osteoblast) และเซลล์ที่สร้างกระดูก (Osteoclasts) ให้ทำงานได้อย่างสมดุลเนื่องจากกระบวนการสร้างกระดูกจะมีการสลายและการสร้างทดแทนกันอยู่ตลอดเวลา
Moisturizing Effect of collagen
Collagen Di & Tri Peptide Granule
Collagen Di Peptide
Collagen Di-Peptide นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่นที่พัฒนาคอลลาเจนในรูป “ไดเปปไทด์” โดยคัดให้เหลือเฉพาะกรดอะมิโนเพียง 2 ชนิด ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือคู่ PO-OG ที่พร้อมดูดซึมทันที ขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 200 ดาลตัน ดูดซึมไวถึง 5 เท่าของคอลลาเจนทั่วไป ทำงานได้เร็วตรงจุดที่เซลล์ไฟโบรบลาสต์ จึงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้ดีเยี่ยม เสริมสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดอย่างมีประสิทธิภาพ
Collagen Di-Peptide ประกอบด้วยอะไร?
จากงานวิจัยพบว่า Di-Peptide คือ การเชื่อมต่อกันของ Amino Acid 2 ตัว เป็นไดเปปไทด์คู่ ดังนี้
Proline + Hydroxyproline (Pro-Hyp) หรือ P-O
Glycine+Hydroxyproline ( HYP-Gly) หรือ O-G
Di-Peptide (ไดเปปไทด์) คู่ ทั้ง 2 นี้ มีบทบาทสำคัญ คือ
• กระตุ้นการสร้างเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ (เซลล์ผิวที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน)
• สังเคราะห์กรดไฮยาลูโรนิค (ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว)
• กระตุ้นการทำงานของเซลล์ข้อต่อและกระดูก
การดูดซึมในรูปแบบ Dipeptide
การดูดซึมในรูปแบบ ไดแปปไทด์ งานวิจัยของบริษัท Nitta Gelatin จำกัด พบว่า คอลลาเจนทั่วๆไปมีการดูดซึมต่ำหากเทียบกับการดูดซึมในรูปแบบ Dipeptide ซึ่งมีเทคโนโลยี Nitta Gelatin Inc.(Japan) มีส่วนช่วยทำให้สารสกัดเอนไซม์เฉพาะตัวของ Collagen triple helix ให้อยู่ในรูปของ Collagen Peptide ซึ่งเป็นสารสกัดที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และในที่สุด จะเปลี่ยนสถานะเป็นไดเปปไทด์ (Di-Peptide) ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ข้อต่อ และกระดูกได้ทันที
ส่วนประกอบของกรดอะมิโน คอลลาเจนประกอบไปด้วยสัดส่วนของกรดอะมิ โนถึง 18 ชนิด โดยมีกรดอะมิโนหลัก 3 ชนิด ได้แก่ Proline , Hydroxyproline และ Glycine รวมกันมากถึง 48.7 % ที่สามารถช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
จากงานวิจัย Journal of Dermatology 2010 แสดงให้เห็นว่า หลังจากรับประทาน Collagen Di-Peptides ไดเปปไทด์คู่ (Pro-Hyp) + (Hyp-Gly) จะตรงเข้าสู่เซลล์ผิวหนังชั้นใน (Fibroblast) ได้ดีกว่ากรดอะมิโนทั่วไป และไตรเปปไทด์ โดยเซลล์ผิวหนังชั้นใน (Fibroblast) จะสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิค ที่ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน ริ้วรอยร่องแก้ม และจุดด่างดำจางลงได้ความพิเศษที่เหนือใครของ Collagen Peptides
Key Benefit of Collagen Di & Tri Peptide
• ช่วยในการปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดด
• ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน นุ่มลื่นน่าสัมผัส
• ช่วยเติมเต็มร่องแก้มแก้ม ให้เรียบเนียน
• รูขุมขนดูเล็กลง ใบหน้ามีความกระชับแน่นขึ้น
• ช่วยลบเลือนริ้วรอย จุดด่างดำค่อยๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
• ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่นขึ้น
• ช่วยยับยังการเสื่อมของคอนโดรไซต์ (Chondrocytes)
• ช่วยกระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคน ที่ทำหน้าที่สร้างสารหล่อลื่นในกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง
• ช่วยสร้างความสมดุลให้กับกระดูก ไม่ให้มวลกระดูกเสื่อมเร็ว
Key Benefit of Collagen Di & Tri Peptide
1.บำรุงสุขภาพของผิวหนังและเส้นผม
เมื่อเราอายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนจะลดลง และกำลังเกิดขึ้นในขณะที่คุณกำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ คุณจะสังเกตได้จากร่างกายของคุณ ผิวหนังที่หย่อนยานลง ริ้วรอยที่เพิ่มมากขึ้น และความยึดหยุ่นที่ลดน้อยลง การเพิ่มระดับคอลลาเจนนั้นสามารถช่วยคุณมีผิวหนังที่กระชับยิ่งขึ้น เรียบเนียนยิ่งขึ้น และช่วยให้เซลล์ผิวหนังของท่านผลัดเซลล์และซ่อมแซมเซลล์ได้ตามปกติ
งานวิจัยพบว่า กลุ่มผู้ทดลองที่ให้ยาหลอก เทียบกับกลุ่มที่ให้คอลลาเจน ซึ่งจากการศึกษาถึงคุณสมบัติต่างๆ ของคอลลาเจนนั้นพบว่า การรับประทาน อลลาเจน ในปริมาณ 2.5 – 5 กรัมในกลุ่มผู้หญิงอายุ 35 – 55 ปี รับประทานทุกวันต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์นั้นสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ความชุ่มชื้น การสูญเสียน้ำทางผิวหนัง (ความแห้ง) และความหยาบของผิวหนังได้อย่างมีนัยสำคัญ
คอลลาเจนยังลด เซลลูไลท์ และ ริ้วรอย โดยเมื่อผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นอันเนื่องมาจากคอลลาเจนที่ลดลง จะเกิดผลข้างเคืองอีกอย่างหนึ่งคือ เซลลูไลท์ที่มองเห็นได้ชัดมากขึ้น โดยจากการที่ผิวหนังของคุณนั้นบางลง เซลลูไลท์จะเด่นชัดขึ้น โดยไมต้องซ่อนสิ่งใดๆ ที่อยู่ข้างใต้ การเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวของคุณด้วยคอลลาเจนนั้น สามารถช่วยลดรอยบุ๋มบนผิวหนังของคุณได้
2. ลดอาการเจ็บข้อต่อและการเสื่อมสภาพ
คุณเคยรู้สึกเหมือน “ขากระโดกกระเดก” ไหม ความรู้สึกฝึดและเจ็บปวดเมื่อขยับร่างกาย อาการนี้คือการสูญเสียการหล่อเลี้ยงด้วยคอลลาเจน เนื่องจากเมื่อเราสูญเสียคอลลาเจน เส้นเอ็นและกระดูกอ่อนของเราจะขยับเขยื่อนยากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความฝืด ข้อต่อบวม เป็นต้น
นักวิจัยที่ศูนย์การแพทย์ Harvard’s Beth Israel Deaconess Medical Center ในเมือง Boston นั้นพบว่า การรับประทานอาหารเสริมที่มีคอลลาเจนประเภมที่ 2 นั้นชวยลดความเจ็บปวดของผุ้ปวยอันเนื่องมาจาก โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และบรรเทาอาการเจ็บต่างๆ ด้วยการลดอาการบวมของข้อต่อ งานวิจัยอีกชิ้นหนึงที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Medical Sciences นั้นพบว่าผู้ที่มีอาการเจ็บจากโรคข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับคอลลาเจนประเภทที่ 2 นั้นทำกิจกรรมประจำวันได้ดีขึ้น อาทิ การเดินขึ้นบันได การปีนป่าย หรือการนอนหลับ และคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้น
3. ช่วยรักษาลำไส้รั่ว
คอลลาเจนนั้นจะมีประโยชน์อย่างมาก หากคุณมีภาวะลำไส้รั่ว ซึงเป็นภาวะที่สารพิษอันตรายนั้นสามารถซึมผ่านเข้าไปในระบบทางเดินอาหารของคุณ คอลลาเจนช่วยสลายโปรตีน และบำรุงภายในลำไส้ รักษาผนังเซลล์ที่เสียหาย และรวมตัวกับกรดอะมิโนที่รักษาโรคได้ คุณประโยชน์อันดับหนึ่งจากการบริโภคคอลลาเจนคือ คอลลาเจนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อที่เชื่อมติดกัน และ “ปิดผนึกและรักษา” ชั้นป้องกันของระบบทางเดินอาหาร
การรับประทานคอลลาเจนเป็นประจำ สามารถช่วยรักษาอาการผิดปกติต่างๆ ในระบบทางเดินอาหารได้ ซึ่งรวมถึงภาวะลำไส้รั่ว โรค IBS โรคกรดไหลย้อน โรคโครห์น และโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง โดยนอกเหนือจากการช่วยรักษาลำไส้รั่วแล้ว คอลลาเจนยังสามารถช่วยการดูดซับน้ำภายในลำไส้ ซึ่งทำให้สิ่งต่างๆ ภายในร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น
4. เพิ่มการเผาผลาญ มวลกล้ามเนื้อ และพลังงานที่ได้รับ
การได้รับคอลลาเจนเพิ่มขึ้นนั้นอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ด้วยการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อที่ไร้ไขมัน และช่วยในการแปลงสภาพของสารอาหารที่สำคัญต่างๆ โดยหนึ่งในบทบาทสำคัญของไกลซีน คือ การช่วยสร้างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อด้วยการแปลงกลูโคสให้เป็นพลังงานสำหรับเซลล์กล้ามเนื้อต่างๆ และโปรดจำไว้ว่า การรักษาสภาพของมวลกล้ามเนื้อนั้นมีความสำคัญพอๆ กับอายุของท่าน เพราะกล้ามเนื้อนั้นช่วยในการเคลื่อนไหว บำรุงกระดูก และเผาผลาญแคลอรี่ โดยเมื่อบริโภคคอลลาเจน ให้คุณบริโภควิตามินซี ด้วยเพื่อให้ร่างกายของคุณสามารถแปลงคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย ให้พลังงาน และความแข็งแรงของร่างกาย
5. เสริมความแข็งแรงของเล็บ เส้นผม และฟัน
คุณเคยเล็บหลุดลอกหรือไหม? สาเหตุนั้นอาจเกิดการขาดคอลลาเจน คอลลาเจนโปรตีนนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของเล็บ เส้นผม และฟัน การบริโภคคอลลาเจนเสริมนั้นสามารถช่วยรักษาความแข็งแรงของเล็บของคุณ และลดผมร่วง
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Investigative Dermatology นั้นพบ “ความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างแมทริกซ์ที่อยู่นอกเซลล์ (Extracellular matrix หรือ ECM) และการเสริมสภาพของปุ่มรากผม ซึ่งเสนอแนะว่า คอลลาเจนนั้นเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการรักษาผมร่วง และโรคผิวหนังอื่นๆ”
6. บำรุงตับ
คอลลาเจนนั้นมีความสำคัญมาก หากคุณต้องการทีจะดีท๊อกซ์สารที่เป็นอันตรายในร่างกายของคุณ บำรุงการไหลเวียนของเลือดและหัวใจ โดยจากการทีไกลซีนนั้นช่วยลดความเสียที่เกิดขึ้นกับตับ เมื่อตับนั้นดูดซึมสารต่างๆ สารพิษ หรือแอลกอฮอล์ ที่ไม่ควรผ่านเข้าไปในตับ
หนึ่งในวิธีการที่ง่ายที่สุดในการล้างสารพิษในตับของคุณคือ การรับประทานซุปกระดูก โดยแนะนำให้ทำการดีท๊อกซ์ด้วยซุปกระดูกเป็นเวลาสามวัน เพื่อซ่อมแซมลำไส้ที่รั่ว ซึ่งอาจช่วยร่างกายในการกำจัดสารเคมีต่างๆ และ “รีเซต” ลำไส้ของคุณ และปรับปรุงการทำงานโดยรวมของระบบภูมิคุ้มกัน งานวิจัยต่างๆ พบว่าไกลซีนนั้นสามารถช่วยลดความเสียหายของตับที่เกิดจากแอลกอฮอล์ และอาการบาดเจ็บเฉียบพลันและเรื้อรังอื่นๆ ของตับได้
7. ปกป้องสุขภาพของหัวใจและระบบหลอดเลือด
กรดอะมิโนโพรลีนช่วยให้ผนังเส้นเลือดของคุณคลายการก่อตัวของไขมันในกระแสเลือด ลดขนาดของไขมันในหลอดเลือดแดง และลดการสะสมตัวของไขมัน โพรลีนจำเป็นสำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อภายในข้อต่อและหลอดเลือด และช่วยควบคุมแรงดันเลือดด้วย โดยจากการที่เป็นองค์ประกอบของคอลลาเจนที่พบภายในข้อต่อต่างๆ โพรลีนจึงช่วยปกป้องร่างกายของเราจากผลกระทบจากความสั่นสะเทือนหรือช๊อก และช่วยเราในการรักษาสภาพของกระดูกอ่อนเมื่อเรามีอายุมากขึ้น อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการป้องกัน โรคหลอดเลือดแดงแข็ง เพราะโพรลีนช่วยป้องกันการก่อตัวของเกร็ดเลือดที่เป็นอันตราย . . . นอกจากนี้ อาร์จินิน ยังเสริมการสร้างไนตริกออกไซด์ ซึ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดีขึ้น และทำให้เซลล์กล้ามเนื้อและหลอดเลือดผ่อนคลายเพื่อการหมุนเวียนที่ดีขึ้น
ปัจจัยของอายุมีผลต่อการลดลงปริมาณคอลลาเจนในผิว
Functional Ingredient
การศึกษาล่าสุด โครงการออกแบบอาหารในประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่าส้มเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคมะเร็ง การศึกษาด้านวิทยาการจากสถาบันมะเร็งนานาชาติของสหรัฐ ได้พบความสัมพนธ์ผกผันระหว่างการกินซิตรัสและการแพร่กระจายมะเร็ง จากการสืบหาสารป้องกันมะเร็งคือ สาน D-limonene , Limonoids and Hesperidin ซึ่งสารทั้งหมดอยู่ในส้มยูสุ สารลิโมนอยด์(Limonoid) เป็นส่วนหนึ่งในอนุพันธ์ไตรเตอพีน (triterpene) ที่จะพบเจอแค่ในส้มสายพน Rutaceae และ Meliaceae มีไกลโคไซด์ (Glycoside) 36 ชนิด และกลูโคไกลโคไซด์ (Glucose Glycosides) ได้ถูกพบเจอหลังจากการแยกสาร สารลิโมนอยด์ ไกลโคไซต์(Limooid Lionin) เป็นสารที่ทำให้มีรสชาติขมและพบเยอะมากกว่า 1,800 เท่าในเมล็ด เมื่อเทียบกับน้ำจากผล ลิโมนอยด์ ไกลโคไซด์(Limonoid glycosidas) จะไม่ขมและเจอแต่น้ำจากผลส้ม
จากการทอลอง In vivo โดยการใช้หนูขาวและแฮมสเตอร์ ที่ซึ่งลิโมนอยด์ โมมิลิน(Limonoid Nomilin) และโอบาคูนอน (obacunone) กระตุ้นการทำงานของสาร Glutathione-S-Transferase ที่เป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการปราบปรามการเกิดขึ้นของเนื้องอก ซึ่งผลการทดสอบสรุปได้ว่า ลิโมนอยด์(Limonoid) และโอบาคูนอน(obacunone) ช่วยในการลุกลามของมะเร็งลำไส้ในหนูทดลอง
กระบวนการผลิตเมลานินและผิวที่คล้ำ
เมลานินเป็นเม็ดสีที่เกิดจากสาเหตุของผิวที่แก่ขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน การอักเสบของผิว และการสัมผัสกับแสงรังสียูวี จากการสัมผัสกับแสงรังสียูวี หลังจากนั้นแสงรังสีจะทะลุผ่านผิวหนังกำพร้าไปยัง เมลาโนไซท์ (melanocytes)ที่ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำการผลิต เม็ดสีเมลานินในชั้นผิวละทำหน้าที่การต้านกับแสงรังสีที่ทะลุผ่านเข้ามา
ในเซลล์เมลาโนไซท์(melanocytes) มีเอนไซม์ไทโรซิเนส(Tyrosinase)ที่เป็นตัวสร้างเม็ดสีเมลานินหลังจากได้รับสัญญาณ เอนไซม์ไทโรซิเนส(Tyrosinase) จะเปลี่ยนสารไทโรซีน(Tyrosine)กรดอะมิโน ให้กลายเป้น DOPA หลังจากนั้นเปลี่ยน DOPA quinone และออกซิไดซ์กลายเป็นเมลานิน มากไปกว่านั้น มีกลุ่มโปรตีนที่ซี่ว่า stem cell factor (SCF) มีบทบาทสำคัญในการเกิดรอยดำที่ผิวหนัง แสง UV ได้ไปกระตุ้นการทำงานของ SCF และEndothelin เพื่อกระตุ้มส่งต่อให้ เซลล์เมลาโนไซท์ (melanocytes) ผลิตเมลานิน
Physiological Functions of YUZU SEED EXTRACT
1.Skin Whitening เซลล์ B16 เมลาโนน่า ถูกใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพของการสกัดเมล็ดส้มยูสุในการปรับสีผิวให้ขาวขึ้น โดยทำการเปรียบเทียบกับ B-Arbutin และวิตามิน (Ascorbic acid)
2.Fibroblast Growth (In Vitro) สารสกัดเมล็ดส้มยูสุได้แสดงให้เห็นถึงการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ไฟโบรบลาส และสามารถบ่งบอกถึงการเจริญเติบโตของการเกิดเซลล์ผิวใหม่ในการผลัดเซลล์ผิว
3.Skin Turn Over แบบจำลองเซลล์ผิวหน้าของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาทำการเลียนแบบเพื่อศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัลเมล็ดส้มยูสุในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว ประสิทธิภาพที่เกิดจากความหนาของชั้นผิวหนัง(หนังแท้และหนังกำพร้า)ถูกศึกษาผ่านกล้องจุลทรรศน์หลังจากให้ทาสารสกัดเมล็ดส้มยูสุ ซึ่งทำให้เห็นว่า สารสกัดเมล็ดส้มยูสุส่งเสริมการสร้างคลอลาเจน และการเจริญเติบโตของไพโบรบลาส โดยมีความหนาของฉันผิวที่เพิ่มขึ้น
4.mRNA expression on 3D culture of skin cells การเพาะเชื้อ 3 มิติ ของผิว ถูกสร้างเพื่อทำการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบติ่ mRNA ของเอนไซม์หลากหลายชนิดซึ่งสารสกัดสามารถยับยั้งเอนไซม์ ไฮยางูรอนิเดส 2 และ 3 เซลาไมเดส สฟิงโกไมอีลิเนส และคอลลาจิเนส(MMP1)
5.Skin smoothing ประสิทธิภาพของสารสกัดเมล็ดส้มยูสุกับสภาพผิวหนัง ทดสอบกับผู้หญิงที่มีสุขภาพดี จำนวน 8 คน โดยการรับประทานเข้าไป
อายุ : 23-41 ปี
ปริมาณ : 200มก/วัน (Yuzu Seed Extract-P)
ระยะเวลาทดลอง : 4 สัปดาห์
การตรวจวัด : ความชุ่มชื้นของผิวรอบดวงดาด้านล่างซ้ายโดยใช้เครื่องมือในการตรวจวัด
ความชุ่มชื้นในชั้นผิวจาก 62% เพิ่มขึ้นป็น 66% จากการรับประทาน และสารสกัดส้มยูสุในปริมาณจากการทดลอง สามารถทำให้สภาพผิวโดยรวมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จาการถ่ายภาพจากกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งหมายความว่า สารสกัดเมล็ดส้มยูสุมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการฟื้นฟูและทำให้สภาพผิวกลับคืนมาอ่อนเยาว์
Acerola Cherry Extract
Acerola Cherry เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม คือ วิตามินซีจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยโปรตีน และแร่ธาตุสูงโดยเฉพาะเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม มีสารสำคัญที่ชื่อ Trans-beta-carotene ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย และมีปริมาณของไขมันอิ่มตัวและโซเดียมต่ำ ไม่มีคอเรสตอรอล และจากผลงานวิจัย พบว่า สารสกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าที่พบในส้มมากถึง 30-80 เท่า การดูดซึมได้ดีกว่า – วิตามินซีจาก Acerola Cherry ดูดซึมผ่านลำไส้เล็กได้เร็วกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ 1.63 เท่า เสริมเนื้อเยื่อให้แข็งแรง – Vitamin C ที่ได้จาก Acerola Cherry มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกาย เนื้อเยื่อของผิวหนัง เส้นเอ็น เส้นเลือด ซึ่งวิตามินซีจะช่วยให้อวัยวะต่างๆเหล่านี้ไม่เปราะ มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น
Key Benefits – Acerola Cherry Ext.
1.เร่งสร้างเสริมคอลลาเจน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอลลาเจน เนื่องจากอะเซโรลาเชอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง จึงช่วยเร่งการสร้างเสริมสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเต่งตึง จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัยและทำให้ผิวยังคงกระชับและยืดหยุ่นอยู่เสมอ
2.ทำหน้าที่เป็นตัวสมานผิว พร้อมลดเลือนริ้วรอย ประโยชน์อีกอย่างประการหนึ่งของอะเซโรลาเชอร์รี่ต่อผิวหนังคือเป็นตัวช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง และกระทั่งช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหารได้
3.ปกป้องผิวการบริโภคอะเซโรลาเชอร์รี่เป็นประจำจะช่วยทำให้ผิวของคุณจะได้รับการปกป้องจากตัวทำให้เกิดความตึงเครียด จากสารเคมี (Chemical Stressor) อย่างควันบุหรี่ มลพิษ และสารที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
4.เร่งการฟื้นฟูสภาพผิวอะเซโรลาเชอร์รี่สามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูซ่อมแซมบาดแผล แผลไฟไหม้ แผลเป็น และกระทั่งรอยแตกลายได้ด้วย
5.ต่อสู้กับการเสื่อมสภาพของผิวไบโอฟลาโวนอยด์เป็นส่วนสำคัญในการชะลอการเสื่อมสภาพของผิวออกไป ช่วยต่อสู้กับรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ริ้วรอยร่องตื่น รอยตีนกา รอยใต้โหนกแก้ม จุดด่างดำ รอยหมองค้ำ
6.ต่อต้านอนุมูลอิสระวิตามินซีที่มีอยู่มากใน Acerola Cherry ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวหนังของคุณจากการถูกทำลายได้ เนื่องจากอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงและถูกทำลายในที่สุด อีกทั้ง อนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถนำไปสู่การเจ็บป่วยและโรคเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้
7.ซ่อมแซมเซลล์ผิวเสียอะเซโรลาเชอร์รี่ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และบี 3 ซึ่งทั้งหมดช่วยทำให้ผิวสวยงามและเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
- Vitamin A :ช่วยให้ผิวหนังสามารถต่อสู้กับรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าที่ทำให้เกิดผิวเสียได้
- Vitamin B1,B2,B3— จะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย
- Vitamin B5 ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งในระยะยาวช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคหัวใจได้
8. ทำให้ผิวขาวขึ้น หากคุณบริโภคอะเซโรลาเชอร์รี่เป็นประจำ จะพบว่าผิวของคุณจะขาวขึ้น กระจ่างใสขึ้น และมีโทนสีผิวดีขึ้นโดยไม่ทำให้โทนสีผิวผิดเพี้ยนไปและเกิดรอยตำหนิขึ้นมา อีกทั้ง ผิวที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีมากผิดปกติอย่างกระและจุดเม็ดสีที่มีสาเหตุจากวัยจะมีสีที่สว่างขึ้นตามโทนสีผิวของคุณ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ผิวพรรณของคุณมีสุขภาพดีขึ้นตามธรรมชาติ
9. ปกป้องจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อผิว สามารถปกป้องคุณจากรังสียูวีได้ โดยปริมาณวิตามินเอในอะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยปกป้องผิวหนังของคุณจากรังสีจากดวงอาทิตย์ที่เป็นอันตรายได้ เพราะหากคุณสัมผัสกับรังสียูวีมากจนเกินไปจะทำให้ผิวเสีย ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่สุดนั้นจะนำไปสู่มะเร็ง
10. ทำให้ผิวชุ่มชื้น สารอาหารต่างๆ มากมายในอะเซโรลาเชอร์รี่จะช่วยทำให้ผิวหนังของคุณอิ่มน้ำ และคงความชุ่มชื้นไว้ได้ ไม่ว่าผิวของคุณจะเป็นประเภทใดก็ตาม
11. จัดการกับสิ่วและปัญหาผิวหนังอื่นๆ ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับผิวอย่างสิว โรคสะเก็ดเงิน และผิวหนังอักเสบนั้นมักเกิดจากผิวหนังขาดวิตามินซีทั้งสิ้น แต่ด้วยอะเซโรลาเชอร์รี่มีวิตามินซีตามธรรมชาติสูง นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการกำจัดสิวและแผลเป็น เพราะมันช่วยเร่งกระบวนการสมานแผลและการลดรอยแดงของร่างกาย และวิตามินซีนี้ยังช่วยลด Cortisol ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียด ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว